สิ่งที่คนไข้มักทำแล้วผิดหวัง
1.ฟิลเลอร์ร่องน้ำตา 2. รักษาฝ้า 3. เลเซอร์หลุมสิว 4. ฉีดสารให้ความชุ่มชื่นผิว ผ่าตัดดึงหน้า
1.ฟิลเลอร์ร่องน้ำตา จากประสบการณ์ที่คนไข้เข้ามาแก้เคสใน 5 สิ่ง ที่คุณหมออ้อยคุยไปเป็นเพราะว่ามีคนไข้เข้ามาปรึกษา มักจะผ่านการทำมาแล้ว คุณหมอรู้สึกว่าคนไข้ทำอันนี้มาแล้วไม่ประสบความสำเร็จ จะมีบางอย่างที่ส่วนตัวคุณหมออ้อยจะไม่ทำอยู่แล้ว คุณหมอจะคิดไปในทางทฤษฎีคุณหมอจะพูดบ่อยมาก มักจะมีบางอย่างผสมกับการที่คุณหมอเจอกับเคสที่มาจากที่อื่นๆ (ไม่ได้แปลว่าที่อื่นนั้นจะไม่ดี) เช่น หัตถการฟิลเลอร์ร่องน้ำตา โดยตัวคุณหมอไม่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เคสที่มีปัญหาส่วนใหญ่หรือเคสที่มักจะผิดหวังกับการฉีดฟิลเลอร์มาก็คือปัญหาใต้ตา ส่วนใหญ่ก็จะเป็นปัญหาที่เป็นก้อนที่หัวตามา เพราะว่าปัญหาตรงนี้ ใช้ฟิลเลอร์แก้กระดูกหน้าแก้มตรงเบ้าตา
ส่วนใหญ่ในบางคนก็จะเหลือปัญหาหัวตาชิดขอบตา ซึ่งเป็นปัญหาของผิวที่บางตัวลง และตรงนี้จะไม่ใช่ปัญหาของกระดูกแล้ว ดังภาพต่อไปนี้
และส่วนตัวคุณหมออ้อยจะใช้ฟิลเลอร์แก้ปัญหากระดูกเป็นหลัก ดังนั้นปัญหาที่คุณหมอชี้ให้ดูในภาพข้างบนจะไม่ใช่ปัญหาของกระดูกแล้ว คุณหมออ้อยจึงไม่ฉีดและเคสส่วนใหญ่พยายามที่จะเอาฟิลเลอร์เนื้อ่อนเข้าไป ตามการตลาด ส่วนใหญ่จะได้รับจากการโฆษณาว่าฟิลเลอร์ใต้ตา เช่น บางคนมีดอลลี่อาย ดอลลี่อายเกิดจากอะไร เกิดจากวงกรามเนื้อรอบวงตา
บางคนเขามีดอลลี่อายใหญ่มาก เวลาที่เขายิ้มจะเป๋นดอลลี่อายขึ้นมา บางคนมีก็ไม่อยากมี บางคนที่ไม่มีก็อยากไปฉีดให้มี บางคนก็มีดอลลี่อายอยู่แล้ว ในตำแหน่งนี้คุณหมอมักจะพูดเสมอ บางคนที่ไปฉีดมาก็จะเป็นก้อนมา แต่ก่อนไม่มีใครที่มาบอกเราว่ากรามเนื้อวงรอบดวงตา บางคนที่เพิ่งจะไปฉีดมาได้ประมาณอาทิตย์ก็จะเข้ามาให้คุณหมอฉีดสลายให้แล้ว โดยจะมีอยู่ 2 แบบ ที่เป็นก้อนขึ้นมาเลย และมักจะได้คำตอบจากคลินิกที่ฉีดให้เดี๋ยวมันก็กลืนไปเอง เดี๋ยวมันก็หายไปเอง บางคนก็ใจร้อนหน่อยเพิ่งจะฉีดมา คุณหมอก็จะรอดูว่ามันจะกลืนอย่างที่เขาบอกมาหรือเปล่า ช่วง 2 เดือนแรก มันจะมีความสวยดี และสุดท้ายแล้วฟิลเลอร์ที่เขาวางให้เรา มันเกิดการขยับตามกรามเนื้อ กรามเนื้อส่วนนี้ขยับก็จะอยู่ที่หัวตาก้จะเป็นลำ โดยเคสที่เห็นชัดๆ ที่ไม่ต้องมาเถียงมามันเป็นเรื่องปกติหรือไม่ คือมันเป็นลำเขียว คือฟิลเลอร์ฉีดตื้นไป ฉีดเยอะไป จึงทำให้ขึ้นมาอยู่บนผิวของเราพอเจอแสงไฟจะเห็นได้ว่าเป็นลำเขียวๆ อันนี้คือคนไข้ผิดหวังที่สุด ย้ำอีกทีคือคุณหมอที่ฉีดให้ไม่ได้ผิด เขาก็พยายามแก้ไขปัญหาตรงนั้นให้เรา ในเมื่อมีความลึก เหี่ยวขาดน้ำ เขาก็พยายามวางฟิลเลอร์ให้เราเรียบเนียบ แต่สุดท้ายแล้วปัญหาคือผิวตรงนั้นเป็นเรื่องของผิวขาดคอลลาเจน ซึ่งเป็นจุดที่มีการขยับตลอดเวลา ฉะนั้นฟิลเลอร์ถ้ามันฉีดตื้นมากๆ มีโอกาสที่จะเคลื่อนตัว ได้พิสูจน์มาแล้วจากเคสที่เคยฉีดแล้วไปทำ MRI จะเห็นได้ว่ามีการเคลื่อนตัว ฉะนั้นถ้าหากเป็นที่ดีว่าดี คลินิก ถ้ามาเจอคุณหมออ้อย ตำแหน่งที่มีการขยับ เช่น ร่องใต้ตา ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ส่วนตัวหมอไม่ค่อยใช้ฟิลเลอร์ฉีด เพราะว่าคุณหมอเจอเคสที่เป็นก้อน มีการเคลื่อนตัวบ่อย แต่ย้ำอีกที่ถ้าเราไม่ฉีดฟิลเลอร์ไปตามร่องแล้ว คือคนที่ไปถมร่องแล้ว มักจะหวังที่จะให้มีความเต็มไปเลย คนไข้อาจมีความใจร้อน แต่เราก็อย่าลืมว่าอนาคต 1 หรือ 2 เดือนข้างหน้าอาจเป็นก้อนก็ได้ อาจมีการเคลื่อนที่ไปข้างๆ หรือข้างบนไปข้างล่าง คุณหมออ้อยเปลี่ยนเป็นใช้ไหมน้ำ
ถ้าเราเปลี่ยนจากฟิลเลอร์ไปเป็นไหมน้ำ อาจจะต้องใจเย็น เพราะจะไหมน้ำจะเข้าไปกระตุ้น เป้นสิ่งที่ไม่ใช่เติมแล้วเต็มเลย ใส่ไปจะต้องรอให้ผิว ถ้าเราเป็นเคสที่ไม่เหมาะที่ฉีดตำแหน่งตรงนั้น และเรายังไม่ฝืนฉีดมีโอกาสที่จะผิดหวังได้ ผิดหวังเพราะเราเห็นเคสรีวิว เห็นการโฆษณา เขาไม่ได้ผิดที่โฆษณาเพราะว่ามีบางเคสที่ฉีดแล้วสวย และเขาเป็นเคสที่เหมาะ แต่ไม่ได้แปลว่าเราเหมาะ ก่อนที่เราจะมีการฉีดเราต้องมีการตรวจก่อนว่าเรานั้นเหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ในจุดๆ นี้หรือไม่ ไม่ได้แต่พูดเรื่องของใต้ตาอย่างเดียว แต่คือสรุปฟิลเลอร์ตรงร่องน้ำตาหรือหัวตา เป็นหัตถการที่คนไข้ผิดหวังมากค่อนข้างเยอะ
สำหรับเคสที่ไม่เหมาะกับฟิลเลอร์ชิดหัวตา ก็มีทางเลือกอาจจะใช้เลเซอร์ เลเซอร์ที่เปิดพวกการกระตุ้นคอลลาเจน แต่การทำเลเซอร์ใกล้ตามีความอันตรายมาก ถ้าหากจะทำจริง ในประเทศไทยไม่ค่อยมีคนมาก แต่ในต่างประเทศมีเขาจะใส่แผ่นแผ่นตะกั่วปิด เพื่อไปป้องกันดวงตา และเขาจะทำการยิงเลเซอร์เข้าไปชิดตา ส่วนใหญ่จะเป็นคลื่นวิทยุความร้อน RF เพราะRF เป็นคลื่นความร้อนไปบนผิว บนๆของเรา ยิงวันนี้คอลลาเจนมันก็จะถูกสร้างในอีก 1-2 เดือน ฉะนั้นแล้ว ถ้าฟิลเลอร์ หัตถการอื่นๆ ทำอะไรก็ตามที่เป็นการกระตุ้น ถ้าเป็นของดีว่าดีอคลินิกของคุณหมอก็จะเป็นไหมน้ำ PDO สามารถเข้าชิดตาได้
2.เลเซอร์หลุมสิว ก็เป็นเรื่องใหญ่ เท่าที่หมอสอบถามมาคนไข้ก็จะเข้ามาปรึกษากับคุณหมอ ด้วยเรื่องหลุมสิว รักษาห้ได้ไหม เครื่องPico Sure ช่วยได้ไหม โดยเครื่องPico Sure ก็ไม่ได้ช่วยได้ทุกหลุม ฉะนั้นคนที่มีปัญหาหลุมสิว อย่าคาดหวังกับการรักษาด้วยวิธีเดียวแล้วจะดีขึ้น ถ้าเราไปดูที่คุณหมอดังทำการรักษา คุณหมออ้อยกล่าวว่า คุณหมอในแต่ละท่านที่เขาดังในเรื่องหลุมสิว เขาไม่ได้มีการทำให้เราอย่างเดียว เขาก็จะรวบรวมวิธีการต่างๆ หยอดกด ตัดice pick scars หลุมสิวที่เป็นกล่องก็จะเป็นการยิงเลเซอร์เข้าไป เคสหลุมสิวเมื่อก่อนเป็นเคสที่คุณหมอท่านไหนอยากทำมากนั้น เพราะว่าถ้าใครที่จะตั้งใจรักษาหลุมสิวแล้วจริงๆ แล้วเอาให้คนไข้พอใจเนียน ส่วนใหญ่จจะต้องมีหลายวิธีการ ทีดีว่าดีคลินิก คุณหมอไม่ได้เน้นรักษาหลุมสิว คุณหมอรู้สึกว่ามีหัตถการอื่นที่พร้อม อย่างมากคุณหมอก็มีหยอดกดหลุมสิว เชื่อหรือไม่ การหยอดกดยังมีการสร้างปัญหา คุณหมออ้อยบอกว่าเราว่าเราได้มีการพูดคุยกับคนไข้ดีแล้ว การหยอดกดหลุมสิว ในคนเอเชีย มักจะมีรอยแดงตามมา หรือรอบหลุมสิวเราชัดขึ้นก็จะเจอได้ โดยผิวคนเอเชียเม็ดสีเยอะ และจะเป็นคีลอยด์ได้ง่ายกว่า ชนชาติอื่นๆ ถ้าเทียบกับต่างประเทศ เครื่องPico Sure คุณหมอจะไม่ให้ความหวังกับคนไข้ ว่าหลุมสิวจะตื้นขึ้น ไม่ได้มีการยิงจนเลือดสาด ไม่ได้ยิงจนทำให้เกิดแผล ส่วนใหญ่คุณหมอจะเป็นคนประเมินและแนะนำไปที่อื่นมากกว่า นอกจากคนที่แบบว่าค้นหาเจอดีว่าดี คลินิก ว่ามีหยอดกด พูดคุยและรับได้ อาจมีการทิ้งรอยดำ ส่วนใหญ่การหยอดกดจะตื้นมาประมาณ 10-20 เปอร์เซ็นต์ ทำได้เดือนละ 1 ครั้ง คนไข้จะต้องมีความอดทนรอผลในการตื้น อาจเสี่ยงต่อผลข้างเคียงได้
สรุปถ้าหากใครที่เป็นหลุมสิวให้ทำ ทำใจไว้ได้เลยว่าไม่ได้มีการจนด้วยหัตถการเดียวเท่านั้น จะขึ้นอยู่ว่าเราเป็นสิว ประเภทไหนบ้าง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นกันเกือบทุกประเภท บางทีที่เราเห็นการตลาดกันว่าการรักษาหลุมสิว ยกตัวอย่าง เช่นถ้ามีหลุมสิว เคสที่ 100 เปอร์เซ็นต์ มีตัดพังผืดด้วยความที่หลุมสิว เราต้องตัดพังผืดเยอะ พอเขาตัดตัดพังผืดรอบหนึ่ง จะต้องมีการระวัง เพราะว่าเซอร์ของหลุมสิว ถูกกับหัตถการนั้น ถ้าเราเป็นคนมี ice pick scars เยอะแต่เราไปตัดพังผืด เราจะไม่ว้าว จริงๆหน้าของเราหลุมสิวแบบมี ice pick scars ควรที่จะหยอดกดมากกว่า ฉะนั้นต้องมีการดูว่าเราเป็นหลุมสิวประเภทไหน เราก็จะต้องทำใจ ถ้าวันนี้เรารักษาแบบนี้ มันก็จะถูกกับหลุมสิวนั้นๆ มันจะไม่เก็บหลุมสิวทุกประเภท และการรักษาหลุมสิวก็จะต้องอาศัยการฟื้นฟูผิวในตัว หลุมสิวคือแผล การบาดเจ็บคือการผ่านสงครามโลกมา มันทิ้งร่องรอย บางคนเข้าใจว่ายิงเลเซอร์เดี๋ยวก็จบ เราจะต้องมีการฟื้นฟูผิวด้วย
3.การรักษาฝ้า คนไข้ส่วนใหญ่จะคาดหวังกับเครื่อง Pico Sure ของเรามาก เวลาที่คนไข้มาอยู่ต่อเราหมอ คุณหมอจะบอกว่าจริงๆแล้วการรักษาหลุมสิว ที่ถูกต้องจะต้องเริ่มต้นตั้งแต่การตรวจผิวหน้าของเรา ว่าฝ้าของเป็นประภทไหน แต่คนไข้มักจะเอาฝ้าของคนไข้ไปเปรียบเทียบกับคนไข้ท่านอื่น คนไข้ท่านนี้ไปยิงเลเซอร์มามันจางลง มันดีมาก ฝ้าของคนไข้อีกท่านอาจจะเป็นฝ้าคนละประเภทของคนไข้ไม่เหมือนกัน และอย่าลืมเขาอาจไปเที่ยวทะเลมาเป็นฝ้า หรืออายุเยอะ แต่เราสิ พ่อแม่ของเราก็เป็น พี่น้องของเราก็เป็นฉะนั้น ฝ้าจากกรรมพันธุ์ค่อยข้างหนักจะต้องทำใจไว้ได้เลย จริงๆคนเข้ามาพบเรื่องฝ้า เดินเข้ามาปรึกษาต้องมีการปรับมายเซ็ทคนไข้ก่อนว่า
1.เราจะต้องหาสาเหตุกันก่อน
2.กรรมพันธุ์ เราต้องมีการเปลี่ยนจุดประสงค์การรักษาฝ้า คือทำให้จางลง
สำหรับคุณหมออ้อยก็มีฝ้าทั้งแผ่นแก้ม คุณหมออ้อยอยู่กับฝ้านี้เริ่มมาเป็นตั้งแต่อายุ 35 ปี ตอนนี้คุณหมออายุ 43 ปี ฝ้าของคุณหมออ้อยจะอยู่ในระดับนี้ อาจจะมีเข้มขึ้น ฉะนั้นคุณหมอสังเกตตัวเองว่าอะไรที่ทำให้ฝ้าขึ้น สาเหตุหลักของคุณหมออ้อยคือ ช่วงแรก ๆ ขับรถช่วงเวลาเที่ยงบ่ายๆ เวลาที่เราเข้าไปในรถช่วงเวลาบ่าย ที่รถยนต์เราตากแดดร้อนๆ พอนั่งภายในรถจะมีความร้อนมาที่หน้าของเรา นี่คือสาเหตุหนึ่งของฝ้าคุณหมออ้อยนั้นเอง เป็นการกระตุ้น ช่วงหลังที่ทำให้ฝ้าถูกกระตุ้นการนอนดึก การนอนดึกทำไมมาให้เป็นฝ้าขึ้นสาเหตุคือการรบกวนฮอร์โมนหลายตัว ฮอร์โมนหลายตัวนั้นมีเกี่ยวข้องกับเม็ดสี พอคุณหมอทราบคุณหมอมีการปรับตัว นอนให้ไวขึ้น หรือนอนพักผ่อนให้เพียงพอ สาเหตุที่สามฝ้าของคุณหมออ้อย หากคนไข้เป็นฝ้าให้คนไข้สังเกตตัวเองว่าอะไรที่ทำให้ฝ้าของเราเข้มขึ้น ให้พยายามนึกจะได้ไม่มีการเสียเงินมารักษา ฝ้ามีความสำคัญกับการป้องกัน ไม่ใช่รอให้ฝ้านั้นขึ้นมา และมาไล่กำจัดกันออกไป ในสิ่งที่ควบคุมได้คือการกระตุ้น สิ่งที่เราควบคุมได้คือกรรมพันธุ์ แต่อย่างอื่นเราควบคุมได้ ฉะนั้นคนที่เป็นฝ้าจะต้องมีการคุมควบ สาเหตุที่สาม คือการนอนดูซีรี่ย์และปิดไฟนอนดู แต่ถ้าพุดถึงเรื่องแดดคุณหมออ้อยเป็นคนที่ทากันแดดได้ดี คุณหมออ้อยมั่นใจว่าคุณหมอเป็นคุมควบได้ดี และมีการเช็คกลับไปแล้วไม่ว่าจะเป็นคุณแม่ หรือว่าน้า ไม่ค่อยมีคนเป็นฝ้า ฉะนั้นน่าจะเป็นเคสที่ง่าย แต่เชื่อหรือไม่ว่านเป็นประเภทที่เป็นคือฝ้าผสม จะมีฝ้าลึก ฝ้าตื้น ฝ้าผสม ฝ้าผสมก็คือมีทั้งลึกทั้งตื้น ฝ้าที่คนไทยเป็นเยอะที่สุด และก็รักษายากที่สุด คือ ฝ้าผสม ฝ้าตื้นคือจะมีขอบชัด ชนิดนี้จะรักษาง่าย แต่ถ้าง่ายยังไงก้จะต้องมีการดูปัจจัยเราด้วย บอกได้เลยว่าถ้าหากใครมีกรรมพันธุ์เรื่องฝ้า ก็ต้องรักษาแบบคุมควบ ฉะนั้นสิ่งที่คุณหมออ้อยทำอยู่ประจำ คือ การควบคุมปัจจัย และมีการยิงเครื่องPico Sure เพราะว่าคุณหมออ้อยไม่อยากกินยา แต่ถามว่าคนไข้จะรักษาฝ้ามันคือการทานยา ทายา เพราะว่าคนที่ฝ้าเข้มๆ ในช่วงแรกจะต้องทานยา ทายา โดยจะต้องมีการประเมินก่อนว่าคนไข้ทานได้หรือเปล่า การทายา ถ้าเป็นยาแบบแรง ใช้คำว่าแรงสุด ก็จะมีส่วนประกอบของไฮโดรคีโตน มันจะระคายเคืองกับผิว ฉะนั้นคนที่ทายาฝ้าอยู่จะต้องดูแลเรื่องการกันแดดให้ดี และการรักษาฝ้า การักษาหลุมสิวไม่ได้มุงเน้นแต่ว่าฉันจะทำผิวให้เรียบ ฉันจะเอาเม็ตสีออกไป ฝ้าจะดีขึ้นได้ผิวจะต้องมีสุขภาพดี เหมือนคนป่วยอยู่ที่โดนแดดนิดเดียว ก็จะผลิตเม็ตสีออกมานั้นเอง นี่คืออาการป่วยของผิวเรา ฉะนั้นอย่ามุงเน้น วิธีการที่เน้นเอาเม็ดออก โอเค ใช่ วิธีการต่างๆ ของคลินิก มักจะเป็นวิธีการเม็ดสีเดิมของเราออกไป ตัวเรามีหน้าที่คุมควบปัจจัยที่ไม่ให้เกิด เม็ดสีใหม่ สามก็คือเราจะต้องหาวิธีทำให้ผิวของเรามีสุขภาพดีด้วย คือ การนอนให้ไว พักผ่อนให้เพียงพอ น้ำในผิวเราพอไหม คอลลาเจนเราโอเคแล้วหรือยัง นี่ถึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเคสที่ฉีดไหมน้ำไป ฝ้าจางลงได้ด้วย แต่คนมักเข้าใจผิด ฉันอยากรักษาฝ้า ทำไมมาฉีดไหมน้ำและคนก็จะเข้าใจว่าไหมน้ำมันดึงเม็ดสีออกไปจากใบหน้าของเรา จริงๆแล้ว ไหมน้ำทำหน้าที่กระตุ้นคอลลาเจนในผิวชั้นตื้นให้เรา ฉะนั้นถ้าผิวชั้นตื้นเรามีคอลลาเจนแล้ว ผิวเราจะไม่เซ็บเดิร์ม ผิวเราจะไม่ค่อยสร้างเม็ดสี ตอนแรกคุณหมอไม่พูดเรื่องนี้ เคสในมือหมอ เริ่มเห็นผลว่าฝ้าจางลง ซึ่งก่อนฉีดคุณหมอจะไม่บอกข้อนี้ให้คนไข้ เพราะคุณหมอไม่อยากให้ความหวังคนไข้ คุณหมอ้อยพูดแต่ว่าฉีดไหมน้ำ PDO ผิวของเรามันเหี่ยว ขาดคอลลาเจน เชื่อหรือไม่ว่าสุดท้ายคนไข้มาบอกหมอเองว่าผิวของเขาดี มีสุขภาพดี ผิวดูสว่างขึ้น รู้สึกว่าฝ้าจางลงด้วย นี่คือคนไข้ที่มาบอกเอง และคุณหมออ้อยถึงจะมาบอกเองว่าใช่ จริงการฉีดไหมน้ำทำให้ผิวแข็งแรง และช่วยเรื่องของฝ้าด้วย แต่ยังไม่มีงานวิจัย ยังไม่มีใครมานั่งวิจัยว่าการฉีดไหมน้ำ PDO ทำให้ฝ้าจางลง แต่คุณหมออ้อยจะพูดด้วยว่าเป็นเหตุเป็นผล
สรุปได้ว่าถ้าเราไม่อยากเป็นฝ้า หนึ่งเราจะต้องหาเหตุผล เราจะต้องหาหมอที่บอกเราให้ได้ว่าเราเป็นฝ้าแบบไหน เขาจะต้องชวนคุยหาเหตุผลกัน ปัจจัยอะไรที่ไปกระตุ้นเรา คุณหมอเขาก็จะหาเหตุผลให้เรา หน้าที่เราจะต้องกลับไปป้องกันที่บ้าน กับการรักษา สามก็คือวิธีการหน้าคลินิกก็คือการที่เขามีเขาทำได้ระดับไหนจะต้องคุยถึงความคาดหวังเราจะได้ไปผิดหวัง ถ้าเจอเคสยากๆ คุณหมอบอกเลยว่าเรามาเปลี่ยนวิธีมาทำให้แบบฝ้ามันจางลง ที่พอจะแต่งหน้าจะปิดได้ดีไหม เราก็ทำเรื่องคุณภาพผิวควบคู่กันไปด้วย แต่ว่าคุณหมออ้อยไม่เคยผิดหวังกับเคสฝ้า เพราะว่าหมอลดความคาดหวังของคนไข้ตั้งแต่การรักษาแล้ว จริงๆแล้วไม่ใช่การลดการคาดหวัง เราแต่บอกความเป็นจริงกับคนไข้ไปว่าถ้าเขารักษากับคุณหมออ้อย เขาจะไปได้แค่ไหน คุณหมออ้อยจะทำอะไรให้เขาได้บ้างด้วยวิธีการที่เรามีอยู่
4. ฉีดสารให้ความชุ่มชื่นผิว การฉีดฟิลเลอร์ด้วยงานผิว เราก็จะเจอรีวิวว่าฉีดตัวนั้นมันดีให้ขนาดที่หลายคนบอกว่าตัวนั้นมันดี ตัวนี้มันดี มันก็จะมีบางคนฉีดไปแล้วเฉยมาก ฉะนั้นเรื่องฟิลเลอร์งานผิว ย้ำอีกว่าฟิลเลอร์งานผิว เช่น Belotero revive , Restylane Refyne , Skin Booster , Rejuran (ตัวนี้ไม่ใช่ฟิลเลอร์เป็นงานผิว) และก็จะมีตัว juvederm volite ถ้าทุกคนเข้าใจว่าสามหรือสี่ตัวนี้ที่กล่าวไปเป็นไฮยาลูรอน เป็นกระบวนการเพิ่มน้ำในผิว และเราไปฉีด ถ้าเป็นเคสเราเป็นผิวแห้ง เราทาครีมแล้วไม่ลง เราเก็บน้ำในผิวไม่ได้เราก็จะประสบความสำเร็จในการฉีด หลายยีห้อก้จะมีการฉีดบ่อย บางยี่ห้อก็ฉีดทุก 6 เดือน บางยี่ห้อก็ฉีดทุก 4 เดือน ถ้าเราเข้าใจว่าฉีดโดยเรื่องน้ำ เราก็จะเข้าใจ แต่เรามักจะโดนการตลาด โฆษณาว่าฉีดผิวมันจะดี ผิวละเอียด ซึ่งจริงแล้วมันก้คือไฮยาลูรอน เก็บน้ำใต้ผิวของเรา เท่านั้นเอง บางคนเข้าใจว่าฉันไปฉีดอันนี้แล้ว ฉันไปต้องไปทำอะไรกับหน้าแล้ว ไม่จริงเลย คุณหมอถึงบอกว่าจริง เวลาที่เราไปทำหัตถการอะไร เราเข้าใจหรือไม่ ว่าผลิตภัณฑ์ที่ลงไปในหน้าของเรา ทำอะไรกับเราของเรา