ก่อนที่จะฉีดฟิลเลอร์ปากต้องทำความเข้าใจว่ารูปปากเป็นอย่างไร กลุ่มอายุ 20-30 อยากปากแฟชั่นไม่ได้มาด้วยเรื่องมีปัญหา ถ้าวัยรุ่นสามารถอยากทำให้ขอบปากชัดขึ้นหรือปากกระจับ และปากคว่ำทำให้หน้าบึ้ง ก็ฉีดฟิลเลอร์ขอบปาก ฉีดปากต้องดูดสัดส่วนคือ 1 ต่อ 2 หรือเอารูปมาให้ดูว่าต้องการแบบไหนและก็ต้องดูเนื้อเดิมว่าเนื้อปากเดิมสามารถทำได้แบบในรูปหรือป่าว และเราจะเห็นปากตกร่องเคสนี้ฉีดแล้วดีขึ้น เพราะฟิลเลอร์มันจะอมน้ำ ถ้าคนที่อายุ 40-50 จะมีริ้วอยู่เหนือริมฝีปากอันนี้จะต้องใช้โบท๊อกหรือคนที่สูบบุหรี่หรือดูดน้ำจะเห็นริ้วๆ เยอะ ถ้าคนไข้มีงบก็จะแนะนำตัว Volift คือ 1 ซีซี สำหรับฉีดปากโดยเฉพาะไม่แข็งหรือไม่อ่อนเกินไปถูกดีไซน์มาโดยเฉพาะปาก ปกติหมอฉีดปากจะไม่ฉีดแค่ปากจะฉีดยกมุมปากไปด้วย ถ้าของ eptq จะใช้ตัวสีส้ม เนื้อจะไม่แข็งมากและไม่อ่อนมากอยู่ได้ 6-9 เดือน ถ้าคนไข้ไม่เคยใช้จะแนะนำตัว eptq สีเขียวถ้าคนที่เน้นธรรมชาติจะใช้ไม่เกิน 1 หลอด ถ้าต้องการสายฝอหรือปากเจ่อเยอะๆ อาจจะต้องใช้ 1 กว่าๆ หรือ 1.5 สีเขียวเนื้อค่อนข้างอ่อนจะธรรมชาติมากไม่เปลี่ยนอะไรมากมายถ้าฉีดไปแล้วอยากเปลี่ยนก็ลองสีส้มได้ มันก็จะอยู่ได้นานกว่าไม่ต้องเจ็บตัวบ่อย ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องมาคุยกับหมอก่อนมาดีไซน์กับหมอก่อนว่าความต้องการกับคนไข้กับของหมอมันตรงกันมั้ย ส่วนเคสตัดปากกระจับที่หมอเจอบ่อยก็คือ ตัดแล้วบางกว่าความต้องการของคนไข้ยิ่งเวลายิ้มเห็นเหงือกเยอะหรือยิ้มแล้วริมฝีปากเริ่มบางหรือไม่อยากยิ้มหมดความมั่นใจ ถ้าใครมีปัญหาพวกนี้ก็เติมฟิลเลอร์ก็จะทำให้ริมฝีปากดูหนาขึ้น ดูได้สัดส่วนมากขึ้น ดูธรรมชาติมากขึ้น หลายๆ เคสที่ฉีดไปแล้วก็จะมั่นใจมากขึ้น เวลาพูดคุยกับคนอื่นจะกล้ายิ้มกล้าแสดงสีหน้ามากขึ้น

​

​

#ฉีดฟิลเลอร์ปาก #ทำความเข้าใจก่อนฉีดปาก #ปากสายฝอ

#ฉีดปากสายเกา #ฉีดปากกระจับ #ปากคว่ำ #ปากตกร่อง